ทำความรู้จักกับชนิดของต้อกระจก โรคเกี่ยวกับดวงตาที่พบได้บ่อย

เมื่อพูดถึงโรค ต้อกระจก ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นโรคที่พบได้บ่อย และเป็นที่คุ้นหูของใครหลายคนแน่นอน โดยเฉพาะเราจะพบว่าผู้สูงอายุเป็นโรคนี้กันไม่น้อยเลย แต่นอกจากนั้นก็ยังสามารถเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุน้อยได้ด้วย เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ก็มาจากการเสื่อมสภาพของแก้วตา ทำให้การมองเห็นไม่ชัด พร่ามัว มีดวงตาที่ขาวขุ่น มองภาพแล้วเกิดอาการเบลอ หรือมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีหมอกมาบดบังสายตา ทั้งนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ที่ตาเพียงข้างเดียว หรือจะเกิดกับตาทั้งสองข้างก็ได้เช่นกัน ซึ่งโรคนิก็มีหลายชนิด แล้วจะมีชนิดไหนบ้าง ไปทราบพร้อมกันเลย 

ต้อกระจก มีกี่ชนิด อะไรบ้าง 

สำหรับ ต้อกระจก นั้นได้มีการแบ่งออกเป็นหลายชนิดด้วยกัน โดยการแบ่งชนิดก็มาจากช่วงอายุ ซึ่งชนิดของโรคนี้ก็มี ดังต่อไปนี้ 

1. ต้อกระจกที่เกิดขึ้นโดยกำเนิด (Congenital Cataract) 

ต้อกระจกที่เกิดขึ้นโดยกำเนิด (Congenital Cataract) เป็นชนิดที่เกิดขึ้นจากความปิดปกติทางพันธุกรรม หรือเกิดจากความผิดปกติในขณะที่อยู่ในครรภ์ เช่น การที่แม่ของเด็กมีการทานยาบางชนิดในขณะที่กำลังตั้งครรภ์, การที่คุณแม่ของเด็กมีภาวะขาดสารอาหาร เป็นต้น ต้อชนิดนี้สามารถพบได้ในทารักแรกเกิด ซึ่งจะปรากฏเป็นสีขาวขุ่นเล็กน้อยที่บริเวณดวงตาของเด็ก แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของเด็ก 

2. ต้อกระจกที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก และวัยรุ่น (Juvenile Cataract) 

ต้อกระจกที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก และวัยรุ่น (Juvenile Cataract) เป็นต้อที่ชนิดที่สามารถพบได้ตั้งแต่เด็กทารัก ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่เลย โดยอาการของต้อที่เกิดในช่วงวัยนี้จะมีสาเหตุมาจากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การเป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิค (Metabolic Disorders), การมีภาวะม่านตาอักเสบ (Uveitis), การเกิดอุบัติเหตุทางตา (Trauma) หรือจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นเกิดจากความผิดปกติในพันธุกรรม (Genetic Disorders) 

3. ต้อกระจกในช่วงวัยชรา (Senile Cataract) 

ต้อกระจกในช่วงวัยชรา (Senile Cataract) เป็นชนิดของต้อที่พบได้บ่อยมากที่สุด เนื่องจากว่าผู้สูงอายุจะมีแก้วตาที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา และตามช่วงวัย โดยจะพบในผู้สูงอายุที่ 50 ปีขึ้นไป จึงทำให้มักจะพบผู้สูงอายุที่มีแก้วตาอยู่ในลักษณะที่ขาวขุ่นทั้ง 2 ข้าง 

จากทั้งหมดที่ได้กล่าวไปนั้น ก็เป็นชนิดของต้อกระจกที่เกิดขึ้นได้ โดยสามารถแบ่งได้ตามช่วงวัย นั่นหมายความว่าโรคนี้ไม่ได้มีโอกาสเกิดขึ้นในวัยชรา หรือผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัยเลย ดังนั้นหากว่ามีอาการที่บ่งบอกว่าตนเองน่าจะเป็นโรคนี้ หรือสงสัยว่าตัวเองจะเป็น ก็ให้เข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาต่อไป